
รีวิวซีรีส์ Fubar เล่าเรื่องของเจ้าหน้าที่ลูค บรูนเนอร์ (ชวาร์เซเน็กเกอร์) ซึ่งใช้ชีวิตสองต่อสองกับบริษัทอุปกรณ์ออกกำลังกายเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว แต่เมื่อมีการเปิดเผยว่าเอ็มมา (โมนิกา บาร์บาโร) ลูกสาวคนสวยของพวกเขาแอบเป็นสายลับภาคสนามของซีไอเอ พ่อลูกจึงต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดบอร์โร โบโลญญา (กาเบรียล ลูนา) พ่อค้าอาวุธนิวเคลียร์ที่ดูเหมือนลูกบุญธรรมของเบรนเนอร์ อีกทั้งยังต้องซ่อนการจารกรรมชีวิตจากครอบครัวและคนรักแทนที่จะฆ่ากันเองก่อน
ดังที่เรากล่าวไว้ว่านี่คือซีรีส์ “หุ่นเหล็กนิวเคลียร์” ชัดๆ เพราะนอกจากจะนำแสดงอย่างชวาร์เซเน็กเกอร์ในพล็อตเรื่อง “Iron Man” แล้ว ยังเกี่ยวข้องกับพ่อค้านิวเคลียร์อีกด้วย มันเหมือนเขย่า “True Lies” ด้วยยาพิษ เพิ่มมุกตลกใต้สะดือ ผสมความโรแมนติก จนซีรีส์มีความสมบูรณ์และน่าสนใจมากขึ้น (เผลอๆ สนุกกว่า “True Lies” ต้นฉบับด้วยซ้ำ)
แม้จะมีความเหมือนหรือข้อเปรียบเทียบมากมาย และทำให้ “ฟูบาร์” ใกล้เคียงกับหนังที่เรากล่าวถึง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือการเขียนซีรีส์ที่รู้ว่าคนดูอยากดูอะไร ไม่ใช่แค่เอาใจแฟนๆ Schwarzenegger เท่านั้น แต่ถ้าเทียบง่ายๆ ก็คือ บนโซฟาหน้าทีวี เปิด Netflix กับลุงวัย 50-60+ เด็กรุ่น 30+ หรือผู้หญิงรุ่นเดียวกัน ซีรีส์บันเทิงได้โดยไม่ต้องพึ่งสวัสดิการแห่งรัฐ

ด้วยการแสดงตัวละครที่มีสีสันเกือบทุกตัว รวมถึงลุคของชวาร์เซเน็กเกอร์ในฐานะฮีโร่พลังงานนิวเคลียร์ที่ใกล้เกษียณที่เผชิญหน้ากับบาร์บาโรลูกสาวสุดห้าวของเขา บทบาทของเธอในฐานะ “นางพัน” ใน Top Gun: Maverick นั้นชัดเจนว่าเธอมีความสามารถมากกว่าแค่ความงาม เคมีระหว่างพ่อลูกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ตลก อ่อนโยน และน่าประทับใจ
เมื่อพูดถึงความรักของ Barbaro ก็เป็นเรื่องของ Jay Baruchel และ Hide and Seek Carter ของ Emma บทบาทของ Alden ยังมีเรื่องราวที่น่าประทับใจ Travis Van Winkle (ทราวิส แวน วิงเคิล) รับบทเป็นหนุ่มหล่อสุดฮอตที่สาวๆหลายคนน่าจะชื่นชอบ
โปรไฟล์ของชวาร์เซเน็กเกอร์ มันไม่ใช่การแสดงที่ง่าย เนื่องจากความโรแมนติกดูเหมือนจะเป็นหัวใจของการแสดง เราจึงเห็นลุคติดตามอดีตภรรยาคนสวยของเขา ทาลี (แฟบบิอานา อูเดนิโอ) และงัดกลอุบายสารพัดวิธีจนทำให้ผู้ชมยิ้มได้ตลอดทั้งเรื่อง น่ารัก ตลก และหวานจนขำไม่ออก

แต่ถ้าจะให้บอกว่าใครเป็น MVP ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คงต้องเป็น Fortune Feimster เดี่ยวไมโครโฟนสาวห้าวที่มารับบท รู เจ้าหน้าที่ปากสุนัขประจำทีม ในขณะที่ชวาร์ซเซเนกเกอร์ก็ยังคงไว้ลายคนเหล็กสุดฮาที่เราเคยจำได้ใน “True Lies” ไว้ ปล่อยเสียงโห่ตลอดทั้งเรื่อง
เมื่อพบตัวละครที่เหมาะสม ก็จะมาพร้อมกับสคริปต์ซีรีส์ที่สามารถเขย่าโครงเรื่องหลักของทีมซีไอเอ ซึ่งพ่อและลูกที่มีความขัดแย้งกันพยายามที่จะหยุดแผนการส่งระเบิดนิวเคลียร์ไปยังผู้ก่อการร้าย นอกจากนี้ยังมีแผนย่อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่อิงจากคำโกหกที่ทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงในการสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม โดยส่วนตัวแล้วฉันขอปรบมือให้บทที่ 6 ซึ่งทีมซีไอเอติดอยู่ในห้องนิรภัยที่มีชีวิตและความตายอยู่แล้ว จิตใจของตัวละครระเบิดจนถึงจุดที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกใช้อย่างละเอียดในภารกิจปฏิบัติการเพื่อพัฒนาโครงเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า รีวิวซีรีส์ Fubar จะปราศจากข้อบกพร่องโดยสิ้นเชิง ซีรีส์ได้ทิ้งช่องโหว่ไว้อย่างโจ๋งครึ่ม รวมถึงการที่เอ็มม่าใช้โทรศัพท์ส่วนตัวของเธอขณะปฏิบัติภารกิจ แม้ว่ามันจะทำให้เรื่องน่าสงสัยมากขึ้นก็ตาม หรือการยุติวิกฤตการณ์ต่างๆ ได้ง่ายเกินไปจะทำให้ซีรีส์นี้ฉุดรั้งไม่ให้ซีรีส์ไปถึงจุดที่จะเป็นซีรีส์ที่ยอดเยี่ยมได้ อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้แฟน ๆ ชวาร์เซเน็กเกอร์หงุดหงิดก็คือการแสดงไม่ได้พยายามซ่อนฉากแอ็คชั่นที่แก่ชราของเขา
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview
รีวิวหนังใหม่ : ปรากฎการณ์