หนังดี

NANGDEEREVIEW

รีวิวหนัง Netflix รีวิวหนังใหม่ 2023

เว็บสล็อตออนไลน์
แทงหวยออนไลน์
เว็บแทงบอลออนไลน์
บาคาร่าออนไลน์

รีวิวซีรีส์Obsession : โฉ่งฉ่างดุจละครหลังข่าว ฉาวอีโรติก

เรื่องราวเริ่มต้น

รีวิวซีรีส์Obsession ในบรรดาภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ชู้สาว ภาพยนตร์เรื่อง Hurt (1992) ของผู้กำกับชาวฝรั่งเศสเรื่อง Hurt (1992) สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของโจเซฟิน ฮาร์ตในปี 1991 แม้จะไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนทั่วไปมากนัก แต่แฟน ๆ ที่ได้ดูเรื่องนี้ น่าจะหนักใจกับภาพฉาวชู้สาวที่แรงกว่าหนังชู้เรื่องอื่น ๆ หรือพูดให้น่าฟังกว่านั้นคือพ่อตาแอบจีบลูกสะใภ้

จนถึงปีนี้ แผนสมรู้ร่วมคิดที่น่าละอายนี้ถูกย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ชื่อเรื่อง “Obsession” หรือ “Crazy” เป็นซีรีส์แองโกล-ฝรั่งเศสที่นำเสนอเป็นมินิซีรีส์ 4 ตอน และนักแสดงอาจไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่แฟน ๆ ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ได้แก่ Richard Armitage ผู้แสดงในภาพยนตร์ดังอย่าง The Storm (2014), Ocean’s Eight (2018), The Hobbit ไตรภาค และ Charlie Murphy นักแสดงหญิงชาวไอริช แสดงในทีวีซีรีส์เรื่อง “Bathers” (2017-2019) และภาพยนตร์ของเฉินหลงเรื่อง “Stranger Things” (2017)

แม้ฉากอีโรติกพิศดารเวอร์วังเหล่านั้น

เรื่องราวของซีรีส์เริ่มต้น

ด้วยวิลเลียม ฟาร์โรว์ (ริชาร์ด อาร์มิเทจ) ศัลยแพทย์ผู้ปราดเปรื่องที่ใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบ ทุกคนมีทรัพย์สิน อาชีพการงานที่มั่นคงเต็มไปด้วยคำชมและครอบครัวที่น่ารักซึ่งประกอบด้วยภรรยาของเขา อิงกริด ฟาร์โรว์ (อินทิรา วาร์มา) และลูกสองคน แต่วันหนึ่งที่งานปาร์ตี้ วิลเลียมได้พบกับแอนนา แพตตัน (ชาร์ลี เมอร์ฟี) หญิงสาวสวย พวกเขาตกอยู่ในภวังค์อย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าเธอคือแฟนสาวของเจย์ ฟาร์โรว์ (ริช ชาห์) ลูกชายคนโตของวิลเลียม ความหลงใหลและความหลงใหลในความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้จะนำพาพวกเขาไปสู่จุดไหน?

ถ้าใครเคยดูเวอร์ชั่นหนัง (Damage)

จะสังเกตได้ว่าหนังเล่าและขับเคลื่อนเรื่องด้วยความเร้าอารมณ์ระทึกขวัญ และในภาพยนตร์มีฉาก BDSM (พันธนาการ, วินัย, ซาดิสม์, มาโซคิสม์) นำเสนอความอึดอัดของความรักและเพศต้องห้ามที่เร้าอารมณ์ แต่ไม่ถูกต้อง ท่าทางรักแปลก ๆ ที่เจือด้วยความซาดิสม์ก่อนที่หนังจะเริ่มค่อย ๆ เผยความลับบางอย่างของแอนนาที่ยังคงเป็นปริศนา ในบางฉากหลังมีเซ็กซ์ เธอจะค่อย ๆ บรรยายถึงช่วงหนึ่งในชีวิตของเธอ จนกระทั่งเกาเฟิงมูฟวี่เลือกที่จะเปิดเผยทุกอย่าง ค่อย ๆ แสดงให้เห็นจุดจบของชีวิตอันน่าสมเพชของชายชราที่ถูกทำลายล้างจากการหมกมุ่นกับผู้หญิง

แม้แต่ฉากอีโรติกเหนือจริง

เหล่านั้นก็กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังของแอนนา ผู้ใช้เซ็กส์เป็นเครื่องมือในการควบคุมพลังของผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเขาอาจปฏิเสธที่จะแต่งงานกับภรรยาที่รักเขาและเคารพเขาเหนือสิ่งอื่นใด และยังมีเสน่ห์และข้อห้ามของสาวที่ลูกชายเอาพ่อเป็นไอดอลรวมถึงอาถรรพ์บางอย่างที่ยังไขไม่ได้ กอดเขาไว้แน่นและรู้อยู่ในใจว่าสิ่งที่ทำจะนำมาซึ่งหายนะ จนกลายเป็นทาสกามารมณ์ของนางฟ้าสาวที่อยากร่วมกิจกรรมทุกครั้งที่เจอกัน จนกระทั่งเขายอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งโลกภายนอกของวิลเลี่ยมก็ยังเป็นที่อิจฉาของคนรอบข้าง

ในแง่ของการดัดแปลง

ในแง่ของการแปลงแน่นอน

แน่นอนว่าแม้ว่าเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของนิยายต้นฉบับจะถูกยืมมานำเสนอ แต่ซีรีส์ก็ได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายอย่าง รวมถึงการเปลี่ยนอาชีพของตัวเอกจากนักการเมืองเป็นศัลยแพทย์ การเปลี่ยนโทนบรรยากาศให้ป๊อปขึ้นรวมถึงการเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาซึ่งถือว่าเข้าใจได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในซีรีส์เวอร์ชันนี้คือความแปลกประหลาดที่ขาดหายไป ซึ่งแน่นอนว่าอาจขาดความถูกต้องไปบ้าง แต่การยอมแลกคือการปรับเปลี่ยนทุกอย่างใหม่ทั้งหมด ทำให้ดูทันสมัยและเหมาะสมกว่าสำหรับผู้ชมที่กว้างขึ้น เพราะคงไม่มีใครมานั่งอธิบายหรอกว่าเวลาต้องเดินขึ้นลงเพื่อดูงานศิลปะต้องมีเรื่องชู้สาว แต่ให้ตายเถอะ ทำไมร่างกายฉันถึงได้อ่อนล้าขนาดนี้

ฉากอีโรติกฉากใดในซีรีส์นี้รุนแรง

น้อยกว่าซีรีส์ขายหนังโป๊อย่าง “365 Days” และ “Sex/Life” ของ Netflix (2021-2023) และเมื่อเธอจับคู่กันในซีรีส์ มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเซ็กซ์แบบ BDSM ทั่วไปที่พวกเขารู้จัก แต่ดูแล้วได้อารมณ์หรืออายแบบ “น้อยใจ” เมื่อเทียบจุดแข็ง ผู้เขียนคิดว่าไม่

สิ่งที่น่าจะทำให้ตื่นเต้นได้ระดับหนึ่ง

อาร์มิเทจซึ่งถูกมองว่าเป็นคนกำยำและดูเหมือนหมอวัยกลางคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะแสดงฉากนู้ดได้อย่างไม่อายใคร และเมอร์ฟี่ที่เคยดูรายการโป๊มาบ้างก็เรียกได้ว่าเป็น MVP ของซีรีส์ด้วยข้อดีทั้งหมด ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เซ็กซี่และมีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้ผู้ชมเป็นตัวเอก

แต่สิ่งที่ผู้เขียนมองว่าตัวซีรีส์ยังทำได้ไม่กลมกล่อมนัก

สมจริงในบางแง่มุมที่ซีรีส์

ได้เลือกให้ชะตากรรมของตัวละครเป็นแบบนั้น แต่มันเป็นความคลั่งไคล้ที่ไม่แยแส ทั้ง ๆ ที่เพิ่งถูกเขย่าจริง ๆ และผลที่ตามมาคือครึ่งหลังของตอนที่ 4 กลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย และฉันไม่รู้ว่าทำไม

ไม่ว่า “ความหลงใหล” จะดีกว่า “365 วัน” หรือ “เพศ/ชีวิต” ผู้เขียนคิดว่ามันยังดีกว่าเมื่อพูดถึงฉากอีโรติกที่สมจริง (ไม่นับฉากจูบนะ ฉากนั้น Cringe เกิน) ถึงจะไม่สนเนื้อเรื่อง ไม่สนใจ ไม่สนใจ และข้ามการดูฉากโป๊ เรียกได้ว่าดูรวดเดียวจบ เพราะมีแค่ 4 ตอนเท่านั้น

แต่เมื่อพิจารณาว่าเรื่องราวดั้งเดิม

เป็นหนังระทึกขวัญแนวเร้าอารมณ์แบบ BDSM ฉันพบว่าตอนนี้นำเสนอด้านอีโรติกมากกว่าที่สคริปต์จินตนาการถึงพล็อตเขย่าขวัญ r และการคิดเกี่ยวกับประเด็นทางจริยธรรมข้ามเส้นที่ไม่ควรข้ามหรือผลที่ตามมาของการผิดศีลธรรม การคบชู้สู่ชาย แม้แต่จิตวิทยานี่ดูเหมือนจะพยายามอธิบายกลไกและเหตุผลของพฤติกรรมของ Ana ออกมาเบาบางและกระท่อนกระแท่นจนเกิดดราม่าคล้ายพล็อตเรื่องและดราม่า

ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง

สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview

รีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนังFast X

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ