
รีวิวหนัง: คฤหาสน์ผีปอบ The Ghoul Mansion บอกเล่าเรื่องราวของพ่อแม่และลูกสี่คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับสลัม ฉันได้แต่ฝันไปเรื่อย ๆ ว่าฉันจะหาทางออกและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับบ้านหลังใหม่ในฝันของฉันได้ ในขณะเดียวกันเขาได้รับจดหมายลึกลับที่อ้างว่าครอบครัวเป็นทายาทคนเดียวของนางทองรำไพที่เสียชีวิต ด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาตัดสินใจไปที่คฤหาสน์สิคามิลึกลับ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่ครอบครัวนี้ต้องรับมือ…!
แน่นอนว่าหากเป็นภาพยนตร์ Ghoul House เรื่องราวจะถูกหยิบขึ้นมาและสร้างใหม่ให้แตกต่างออกไป แต่ก็ยังจำเป็นต้องรักษาเสน่ห์ดั้งเดิมของจักรวาลนี้ไว้ แม้ว่าการรีบูตครั้งนี้จะยังห่างไกลจากความสนุกสนานของต้นฉบับ แต่ก็ยังสามารถกำหนดบรรทัดฐานใหม่ได้โดยไม่น่าเกลียด
คฤหาสน์ผีปอบ มีทีมสร้างภาพยนตร์จากคอมมูน โดยมี “มาดิว ชูเกียรติ” เป็นผู้กำกับพิเศษสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ มอบหมายให้รุ่นน้อง “อั้ม ณัฐพงศ์” ที่เพิ่งกำกับหนัง “ผีบ้านผี” ไปเมื่อปีที่แล้ว มารับหน้าที่สร้างเรื่องนี้ ผมคิดว่า จังหวะและสไตล์ของเขายังเหมาะกับหนังผีตลกอยู่มาก แม้ว่าหลายๆองค์ประกอบจะยังเรียงกันไม่ถูกก็ตาม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้เชิญ “บอย สุรชาญ” จากซีรีส์ “สแลมแดนซ์” มาสร้างเรื่องราว ต้องบอกว่าตามสูตรมาตรฐานดั้งเดิมแล้ว โครงเรื่อง และแนวคิดของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะอยู่ใน Safe Zone แต่หลายๆ จุดและหลายๆ ฉาก หากสามารถเล่าเรื่องได้กระชับขึ้นก็ยังไม่กระชับพอ หนังเรื่องนี้น่าจะบิวท์อารมณ์ได้เร็วกว่าภาคก่อนๆ และมันก็ไม่ทื่อเกินไปที่จะหวังว่าจะโง่เหมือนหนังเรื่องนี้
แม้ว่าองค์ประกอบการสร้างของภาพยนตร์จะดี การออกแบบงานสร้าง การสร้างฉาก การจัดแสง มุมต่างๆ ถือว่ามีรายละเอียดค่อนข้างมาก มันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบและเรียบร้อยขนาดนั้น แต่สิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยบิ้วอารมณ์และเพิ่มความวุ่นวายให้กับหนังได้ แม้ว่าบทของหนังเรื่องนี้จะค่อนข้างซ้ำซากจำเจ
และสิ่งที่มาช่วยชูโรงให้กับ รีวิวหนัง: คฤหาสน์ผีปอบ ได้ดีที่สุดต้องตกเป็นของนักแสดง โดยเฉพาะบทบาทของพ่อแม่ลูกทั้ง 4 เรื่อง ถือได้ว่านักแสดงฝีมือดีทุกคนทำหน้าที่ได้ดีมาก โดยเฉพาะ “ก้อง ห้วยลาย” และ “กว่าง วันเปีย” แสดงได้ดีในละครฟอร์มยักษ์ ฉายแววเจิดจรัส ไฟสว่างดี แม้ว่าตัวละครของพวกเขาจะมีมิติน้อยก็ตาม ไม่ต่างอะไรกับตัวละครในละครศีลธรรมเรื่องหนึ่ง แต่พวกเขาต่างก็สนุกกับมันในแบบของตัวเองและทำงานอย่างหนักเพื่อให้หนังดำเนินต่อไป

“ฟ้อนด์ BNK48” ดึงเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ออกมาอย่างเต็มที่ รู้สึกว่ากล้องหนังเรื่องนี้ต้องรักเธอแน่ๆ และเธอยังมีฉากเด็ดๆ อีกหลายฉาก เช่น ดาราเด็กหน้าใหม่ “ฮิโรกิ” ที่ถือว่าแสดงบทบาทได้ดีเกินคาด และ “หยก ศิริมาศ” รับบทเป็น นางจิ๊กซอว์ การเล่นใหญ่ของเธอจะได้รับความนิยม แต่รายการไม่มีเวลาออกอากาศมากนัก ทำให้ดูเหมือนการแสดง
“แม่หน่อย ณัฐนี” ในตำนานที่โน่นถือเป็นการกลับมาที่พลาดไม่ได้ แม้ว่าจะมีฉากน้อยกว่าแต่ตำนานก็คือตำนาน ปรากฏตัวเพียงไม่กี่ฉากก็สร้างภาพจำที่น่าจดจำได้ และเป็นการฟื้นคืนบรรยากาศเก่า ๆ ของภาพรวมองค์ประกอบรายการที่หายไปซึ่งถือเป็นไฮไลท์หลักของหนังที่ออกมารองรับทั้งหมด แต่พวกมันเกือบจะคงกระพันพอๆ กัน สรุปแล้ว Ogre Manor มีความกล้าที่จะหยิบตำนานขึ้นมาและเริ่มต้นการรีเซ็ตใหม่ แม้องค์ประกอบต่างๆ จะสำเร็จลุล่วง แต่นำเสนอในรูปแบบใหม่ที่คงไว้ซึ่งกลิ่นอายความคลาสสิกแบบเก่าเท่านั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนหนังแฟนตาซีแนวระทึกขวัญของดิสนีย์ แต่ไม่ค่อยมี การเล่าเรื่องของหนังยังอ่อนอยู่เล็กน้อย หากคุณแต่งตัวรัดกุมให้ลบสิ่งที่ไม่จำเป็นออก มันควรจะปรับปรุง
อย่างไรก็ตาม Ghoul Mansion ก็ยังถือว่าเป็นหนังตลกปนสยองที่สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเสน่ห์ทางการแสดงเป็นแก่นแท้ของนักแสดง โดยเฉพาะ ก้อง ห้วยลาย และ กวาง เดอะเฟซ สองพระเอกของหนังเรื่องนี้ ตีบทแตก ตีบทแตกกระจุยกระจาย ถึงหนังเรื่องนี้จะไม่ได้หวือหวาอะไร…ก็เป็นอีกหนึ่งสูตรสำเร็จและดูเพลินมาก
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview
รีวิวหนังใหม่ : Joy Ride แก๊งตัวเจ๊ เฟียสกีข้ามโลก