รีวิวหนัง บัวผัน ฟันยับ

หญิงเเกร่งรอบด้าน
รีวิวหนัง บัวผัน ฟันยับ นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ที่จะทำหน้าที่ปิดศักราช 2565 อย่างเป็นทางการ เนื่องจากหนังไทยเรื่องสุดท้ายที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในปีนี้ ปีเสือ กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อตำนานนักสู้พังพอนหญิงเริ่มต้นขึ้นในภาพยนตร์แอ็คชั่นคอมเมดี้ บัวผัน ฟันยับ ที่มีแรงบันดาลใจให้นางเอกกลับมาสู่จอภาพยนตร์ในรอบกว่าทศวรรษและกลายเป็นซุปตาร์แห่งวงการ นี่คือสูตรสำเร็จของหนังตลกไทย…สูตรที่ไม่ต้องใช้สมองมากเกินไป
บัวผัน ฟันยับ เล่าเรื่องราวของหญิงสาวผู้ชำนาญการเป็นนักดาบประจำหมู่บ้านบนภูเขา ช่วยเล่าเรื่องตีรันฟันแทงหน่อย เธอเก่งทุกตำแหน่ง แม้ว่าเธอจะมีทักษะมาก แต่เธอไม่ค่อยต่อสู้กับผู้คน และแทบไม่มีใครอยากรบกวนเธอเลย เพราะผู้ชายในหมู่บ้านถือว่าเธอเป็นหัวหน้าแก๊งค์สาวอันธพาล สิ่งนี้เป็นอันตราย เหตุผลที่เขาคิดเช่นนั้นก็เพราะว่านอกจากจะมีความสามารถแล้ว กลุ่มของเธอยังมีความคิดบ้าๆ และคิดค้นอาวุธ ซึ่งมักก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่บ้าน แต่ทักษะของเธอเองที่ทำให้บัวพรรณและชาวเคจันโด่งดังไปไกล จนกระทั่งมีชายหนุ่มหน้าหวานอย่างคังมาที่หมู่บ้านเชิงเขาแห่งนี้และสมัครเป็นศิษย์อาจารย์บัวพันธ์ คัมบะเองก็หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถฝึกฝนจนเชี่ยวชาญและกลายเป็นฮีโร่เหมือนพ่อของเขา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นนักรบอันดับหนึ่ง ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มผู้หญิงจอมซนต้องเปลี่ยนพ่อหน้าหวานให้เป็นฮีโร่

จุดเริ่มต้นของหนังตลก
และนี่คือจุดที่เจ้าพ่อหนังตลกแห่งยุคนี้ “ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ” กลับมาอีกครั้งเพื่อสร้างภาพยนตร์ในสไตล์ของตัวเอง ร่วมกับโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ตลกเรื่อง “หมายเลข 1” “ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์” รับหน้าที่ผลิตและดูแลภาพรวมของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผลลัพธ์อยู่ใน…จะว่ายังไงดี? เป็นสูตรหนังเก่าที่ใช้แล้วใช้ตลอดไป “เอเรียมสิงห์” เมื่อไม่กี่ปีก่อน
“บัวผัน ฟันยับ” ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของหนังสั้นไทยให้คงเส้นคงวา จะเห็นได้ว่าการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างเร่งรีบ การถ่ายทำภาพยนตร์ควรใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน มันทำให้องค์ประกอบหลายอย่างของหนังดูเหมือนไม่ได้ดำเนินไปจนถึงตอนจบ ยังชัดเจนว่ามีบางช่วงเวลาในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มีความละเอียดเพียงพอ แม้ว่าหนังจะใช้สูตรสำเร็จแบบเดียวกันในการกำกับและบอกเล่าเรื่องราว แต่น่าเสียดายที่มันกลายเป็นสูตรเดียวกันและไม่ได้สร้างปัจจัยว้าวมากนัก แน่นอนว่าบทของ บรรพ์ ฝันัพ ไม่ใช่บทที่ดีเลย มันค่อนข้างผิวเผิน เกือบจะแบนและไร้น้ำหนัก มันแค่แสดงรายการปัญหาเชิงโครงสร้างของเรื่องราวบางส่วน แต่มันเป็นเรื่องของเสียงหัวเราะและการแสดงของนักแสดงเป็นส่วนเสริมมากกว่า เพราะเรื่องราวดังกล่าวแทบจะเข้าใจง่ายและไม่ต้องคิดอะไรเลย เป็นเรื่องดีที่จะรักษาความรู้สึกมีความสุขเอาไว้และเพลิดเพลินกับภาพยนตร์

จุดขายของหนังเรื่องนี้
อย่างที่บอกไปแล้วว่าหนังเรื่องนี้ต้องใช้ลีลาการแสดงของนักแสดงเป็นจุดขาย ก็..ทั้งนางเอกซุปตาร์และพระเอกหนุ่มสุดฮอตแห่งยุคนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้…หนังจะขายดาราได้จริงๆ และครั้งนี้ “แอน ทองประสม” กลับมารับบทเดิมอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเธอสนุกกับการเล่นสิ่งนี้ มันเป็นความก้าวหน้าในด้านมุมมองและตัวละครที่เราไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน
แอน ทองประสม ยังคงเป็นเพชรเม็ดงามที่แบกหนังเรื่องนี้ไว้บนบ่า และถือเป็นนักแสดงที่เกิดและเติบโตในวงการภาพยนตร์อย่างแท้จริง แต่ระยะหลังนี้มันเคลื่อนห่างจากเส้นทางนั้นไปนานแล้ว . ส่งผลให้เขายังคงติดการแสดงแต่ความเป็นธรรมชาติและความเป็นมืออาชีพในใจคิดว่าการออกแบบของบัวพรรณน่าพอใจ ตัวละครแทบไม่มีมิติเลย

แม้ว่า “กลัฟ คณาวุฒิ” จะถือเป็นพระเอกของหนังหนังยาวเรื่องราวในชีวิตของเขาก็ตาม จะต้องผ่านให้ได้นอกจากเสน่ห์อันหล่อเหลาของเขาที่แผ่ซ่านไปทั่วหนังแล้ว ผลงานของเขายังเป็นที่ยอมรับ แม้ว่าการแสดงในภาพยนตร์จะยังไปได้ไม่ดีนัก เทคนิคต่างจากละครมาก แต่เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักแสดงโดยธรรมชาติที่สามารถเก่งในบทบาทที่เขาได้รับ และแน่นอนว่าเป็นนักแสดงสมทบในภาพยนตร์เรื่องนี้ นี่คือสิ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะมันเพิ่มปริมาณสีที่เหมาะสมให้กับภาพยนตร์ และทั้งสามคนไม่ว่าจะเป็นจ๊ะ นงผณี”, “ก็อตจิ ทัชชกร” และ “ฮาย อาภาพร” ก็เข้ากันได้ดีในหนัง และในฐานะตัวละคร หนังเรื่องนี้ก็เป็นละครที่น่าสนใจมากจริงๆ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเหมือนสิบปีแห่งความใกล้ชิด

องค์ประกอบโดยรวม
เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบโดยรวมของ หนัง บัวผัน ฟันยับ ปรากฏว่าเป็นเพียงหนังไทยแนวตลกที่มีแนวทำนองดั้งเดิม ยังไม่มีอะไรให้จดจำมากนักเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แม้แต่เคมีของพระเอกก็ยังเป็นสิ่งที่สคริปต์พยายามทำให้ดูเป็นไปได้ด้วยตัวมันเอง ถึงแม้จะไม่อยากพูดถึงประเด็นเรื่องอายุด้วยซ้ำ แต่เมื่อแอน และกัลฟ์ มารวมตัวกันเพื่อเขียนบทต่อ ก็หยุดคิดเรื่องรอยต่อไม่ได้ในเวลานี้ แต่โชคดีที่พวกเขาทุกคนทำงานได้ดี
สรุปว่า “บัวผัน ฟันยับ” ได้ฝึกฝนสูตรความบันเทิงอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังไทยดีๆ นี่เอง เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เอาจังหวะดราม่าขึ้นจอใหญ่เลยก็ว่าได้เพราะองค์ประกอบหลายอย่างยังคงอยู่เหมือนละครนิดหน่อย แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยช่องโหว่และข้อบกพร่องก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นเสียงหัวเราะที่ดีและอย่างน้อยเรื่องราวก็มีนักแสดงที่ดี แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงได้ดีมากๆเรื่องนึงเลย
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview
รีวิวหนังใหม่ : White Noise