รีวิวหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์

เรื่องราว หนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์
หนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าหนังไทยเรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากศรัทธาและพลังศรัทธาส่วนบุคคลจริงๆ แม้จะไม่มีอะไรสะดุดตาในตัวหนังก็ตาม ไม่มีนักแสดงรายใหญ่ ถึงไม่มีพลังประชาสัมพันธ์ขั้นเทพ แต่ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” กลายเป็นหนังไทยที่เรียกตัวเองว่าเป็นหนังแอคชั่นแฟนตาซีที่ผสมผสานตำนานเหนือธรรมชาติเข้ากับความเชื่อในท้องถิ่น ดูเหมือนหนังที่เทศนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับกลายเป็นว่าเนื้อหาของหนัง…ไม่ใช่อย่างที่คิด
ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เล่าเรื่องอดีต พระผู้มีปัญญา นำดวงวิญญาณเด็กชายวัย 10 ขวบ มายังวัดร้างบ้านฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และกำชับให้อยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ จนกว่าจะมีผู้มีบุญญาธิการมาถึง เด็กชายทุ่มเทอุทิศตนรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา เกือบร้อยปีต่อมา สองพี่น้อง เก่งและเปี๊ยกเดินทางมาที่นครศรีธรรมราชจากอำเภอพานนครเพื่อเดิมพันไก่ชน เก่งลงหลุมไก่แดงต่อกร ไก่ตัวผู้อันธพาลเจ้าถิ่นจนแพ้เดิมพัน เก่งและเด็กเหลือขอหนีออกไปต้องไปวัดร้างเพื่อเป็นที่พักชั่วคราว นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการที่ทั้งสองได้พบกับเด็กชายในวัดร้าง เก่งเรียกเขาว่า “ไอ้ไข่” แต่เก่งไม่เคยเอะใจเลยว่าไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กธรรมดา

นักเลงท้องถิ่นที่เก่งเรื่องไก่ชนและเล่นการพนันเป็นบุตรชายของคุณสมานผู้ยิ่งใหญ่แห่งซีชุน คุณสมานเองได้พยายามหลายครั้งที่จะขุดสมบัติออกจากวัดร้างแล้วเอาไปเอง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเพราะพลังของไข่สามารถปกป้องและขับไล่คนใจร้ายที่เข้ามาขโมยสมบัติได้ แม้แต่นักมายากล เสือเมือง ที่รีบเร่งไปถึงบ้านโฉลงก็ไม่รอด เข้าร่วมกับคุณสมานและเตรียมจัดการกับอ้ายไข่อย่างเด็ดขาด ไอคาอิจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องสมบัติตามคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับพระสงฆ์หรือไม่? ส่วนเก่งเคลือบแคลงใจว่าไอ้ไข่ไม่ใช่มนุษย์ เกิดความแตกแยกครั้งใหญ่ในมิตรภาพ ประจักษ์พยานแห่งศรัทธาและปาฏิหาริย์นี้ท้าทายทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น

ผู้กํากับสุดเก๋าของ หนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับหนังไทยที่อยู่คู่วงการมาสิบปีอย่าง “ธีรธร เชาวนโยธิน” มักจะเชี่ยวชาญหนังสยองขวัญหรือหนังที่มีเนื้อหาเจาะลึกถึงกฎแห่งกรรมแม้ผลงานในอดีตของเขาอาจไม่โดดเด่นในวงการภาพยนตร์ไทยและสายตาผู้คน แต่เป็นเด็กวัดเจดีย์ที่เข้ามารับหน้าที่สร้าง ภาพยนตร์ เหตุการณ์ของ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ถือได้ว่าเป็นการฝึกทักษะที่ดีของเขา นี่บ่งบอกถึงขนาดงานที่ใหญ่ขึ้น เขาสามารถจัดการมันได้
บางทีเราก็ต้องบอกตรงๆ นะ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ว่านี่ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบแต่อย่างใด หนังยังเต็มไปด้วยรูและช่องว่าง การเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะดูเทอะทะเกินไป เพราะพวกเขาเสียเวลาหลายชั่วโมงในครึ่งแรกในการจัดเตรียมและแนะนำเรื่องราว แต่เมื่อฉันสามารถเข้าใจทิศทางและเข้าใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ผู้คนก็คิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไหลลื่นดีขึ้นเล็กน้อย ยังไม่มีรสชาติอร่อยที่เป็นธรรมชาติมากนัก ลำดับจังหวะและเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ที่ตัดต่อเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังต้องมีการปรับปรุงบ้าง เพราะมันเป็นจุดที่มักจะตัดอารมณ์ของหนังออกไป ยังน่าเสียดายอยู่บ้างที่ฉากต่างๆและจุดเชื่อมโยงของฉากต่างๆมารวมกันโดยไม่มีความอ่อนโยนใดๆ ฉันยังแอบเห็นว่าบางจุดเพิ่มมากเกินไปนิดหน่อย และบางฉากเหมือนจะถูกลืมไปมีการเพิ่มองค์ประกอบบางอย่างเข้าไปจนหมด แต่นี่เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ที่สังเกตได้ยาก

การเเสดงยอดเยี่ยมของนักแสดง
ส่วนการแสดงก็ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้มีนักแสดงชื่อดังไม่กี่คน แต่มีนักแสดงมากมายที่ช่วยสนับสนุนหนังเรื่องนี้จนรอดมาได้ เราต้องชื่นชมทักษะการแสดงและความมุ่งมั่นของนักแสดงหนุ่ม “ต้น ศักราช” ที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูจะเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์มากที่สุดในบรรดานักแสดงที่มีอยู่ เขาเป็นตัวละครที่ช่วยสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ในหลายๆ ด้าน แม้ว่าตัวละครที่เขาเล่นจะมีมิติที่แทบจะเป็นศูนย์ก็ตาม แม้แต่การทำให้น่ารำคาญก็ยังเป็นสิ่งที่ทักษะการแสดงของเขา…รับมือได้
ส่วนลีลาการแสดงของ น้องโกฮัง ณัฐวรรธ ที่มีบทบาทสำคัญในหนังเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่ายังไม่มีอะไรน่าจดจำมากนัก แต่คิดว่าเขากำลังดิ้นรนเพื่อแสดงศักยภาพสูงสุดของเขา แม้ว่าการแสดงยังต้องอาศัยการฝึกฝนอีกมาก แต่ผมคิดว่าเป็นเลขที่เหมาะสมที่จะเลือกน้องมารับบทอัยไข่ในครั้งนี้ โดยเฉพาะลักษณะทางกายภาพของน้องถือว่าเหมาะกับบทนี้มากบางทีนี่อาจจะไม่ใช่การแสดงที่ดีนักก็ได้ แต่ฉันเชื่อว่าเขาจะพัฒนาต่อไป

ส่วนนักแสดงที่เหลือก็ช่วยให้หนังเรื่องนี้แสดงเต็มศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น “ครีมมี่ พลอยปภัส”, “โอโบ ธีรยา” หรือแก๊งค์เก๋า “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง”, “โกวิท วัฒนกุล” หรือ “บุ๋มบิ๋ม สามโทน” ที่เข้ามาช่วย เป็นพิเศษ ตัวละครทำให้หนังดูมีสาระมากขึ้น แม้ว่าตัวละครและบุคลิกของพวกเขาจะไม่มีอะไรใหม่หรือผิวเผินมากนัก แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ต้องยกให้ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ นั่นก็คือ การออกแบบสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ และ CGI ต่างๆ ทำให้รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถทำได้ ดีกว่าที่คาดไว้ แม้ว่าองค์ประกอบนี้จะไม่ได้หรูหรามากนัก แต่ก็ชัดเจนว่างาน CGI ที่พิถีพิถันและเน้นรายละเอียดซึ่งในแต่ละฉากนั้นน่าพึงพอใจมาก ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีงาน CGI ที่ดีและไม่ใช้งานที่หยาบคายจนอาจดูหมิ่นผู้ชมมากนัก

องค์ประกอบอื่นๆ ของหนัง
นอกจากนี้ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ค่อนข้างน่าพอใจ เช่น องค์ประกอบทางศิลปะต่างๆ ที่ทำให้ฉากนี้น่าสนใจมาก รวมทั้งการถ่ายภาพยนตร์และการออกแบบภาพของหนังเรื่องนี้ก็มีหลายฉากที่ทำออกมาได้สวยงามมาก พวกเขายังพยายามนำมุมการถ่ายภาพใหม่ๆ มาใช้กับเทคนิคใหม่ของภาพยนตร์ไทยด้วย
โดยรวมแล้ว ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ถือเป็นหนังที่สนุกแต่อาจจะไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่มีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าพึงพอใจ บทและการเล่าเรื่องอาจจะยังอ่อนแออยู่บ้าง แต่มีอย่างอื่นที่ชดเชยจุดอ่อนของหนังเรื่องนี้ได้ค่อนข้างดี แม้ว่าก่อนจะไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่เชื่อมโยงกับความเชื่อในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด แต่กลับกลายเป็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากนิทานพื้นบ้านภาคใต้ เปี่ยมด้วยความเคารพและศรัทธาพลังที่มาจากภายในอย่างแท้จริง
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview
รีวิวหนังใหม่ : Don’t Worry Darling