รีวิวหนัง Blood & Gold

Blood & Gold ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Peter Sowers อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ นอกจากนี้ยังเขียนร่วมกับ Stefan Barth และเป็นฟีเจอร์ที่สองของ Thorwart สำหรับ Netflix ต่อจาก Blood Red Sky หนังบนเครื่องเชิงพาณิชย์ นี่เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ และ สนุกสนานของปีศาจแวมไพร์ ในพื้นที่จำกัด
BloodGold เล่าเรื่องราวของ “ไฮน์ริช” อดีตทหารนาซีที่หนีออกจากกองทัพ เขารอดชีวิตจากการถูกแขวนคอเพราะ “เอลซ่า” สาวชาวนาช่วยชีวิตเขาไว้ จากนั้นพวกนาซีคนเดียวกันก็ลักพาตัว “พอล” น้องชายของเอลซ่าไป นำไฮน์ริชและเอลซ่าติดตามพวกเขาไปยังหมู่บ้านที่กองทหารนาซีประจำการอยู่ เนื่องจากมีทองคำแท่งจำนวนมากที่ครอบครัวชาวยิวทิ้งไว้ในหมู่บ้านนี้ เรื่องราวพัวพันที่ชาวบ้านและทหารนาซีพยายามแย่งชิงเหรียญทอง ขณะเดียวกัน ไฮน์ริชและเอลซ่าหาทางแก้แค้นทหารนาซีผู้โหดเหี้ยม

เมื่อพูดถึงความตลกขบขัน หนังก็แทรกจังหวะการเสียดสีของนาซีได้อย่างดีทุกครั้ง แถมยังเขียนบทให้มีฉากตลกฝืดๆ ทำให้เรื่องราวคาดเดาไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงท้ายที่ต่างคนต่างกลับไปกลับมาเพื่อคว้าทองคําเเท่ง ที่บางคนไม่น่าจะรอด แต่หนังก็ยังหาเรื่อง ตลก ในตอนท้าย
อันดับแรก ก็ต้องชื่นชมที่ ธอร์วาร์ตและ บาร์ธ 2 มือเขียนบทที่เลือกเล่า เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ในมุมมองที่แตกต่างจากทุกเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากเป็นฉากในสงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้น จึงไม่มีฉากต่อสู้ระหว่างทหาร แต่เลือกให้อดีตทหารนาซีหนีออกจากกองทัพเป็นพระเอก กองทัพเดิม เล่นบทตัวร้ายแล้วทำให้ภาพตัวร้ายของเรื่องแย่สุดๆ รวมทั้ง ผู้พันของกองทัพสุดโหดแถมสร้างตัวร้าย รูปเหมือนในการ์ตูนคือหน้าด้านข้างเละเทะใส่หน้ากากปิดแผลไปครึ่งหน้าไม่ยิ้มเย็นชาเดินตามหลัง’ไอ้จ่า’ตัวมหึมา ร่างกายเลวทรามลามกตลอดเวลา มีความแค้นกับไฮน์ริชตัวร้ายของเรื่อง เรื่องนี้พระเอกของเราต้องเผชิญหน้ากับบอสตัวร้ายถึง 2 ตัว

ความยาวมาตรฐานของภาพยนตร์คือ 90 นาที เท่านั้น แต่แบ่งครึ่งแรกและครึ่งหลังอย่างชัดเจน เรื่องราวครึ่งแรกเกิดขึ้นที่บ้านไร่ของไอชา ไฮน์ริช และ เอลซ่า ต้องรับมือกับกองทัพนาซี เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังก่อนที่พวกเขาจะพาพอลไปยังหมู่บ้าน หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านเพียงไม่กี่หลัง มีโบสถ์อยู่กลางหมู่บ้าน เป้าหมายหลักของหน่วยนาซีนี้คือการเรียนรู้ว่า ครอบครัวชาวยิวได้ทิ้งทองคำแท่ง จำนวนมาก ไว้เบื้องหลัง พวกเขาต้องการเป็นเจ้าของทองคำนี้ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้จะสิ้นสุดลง ซึ่งนำไปสู่การพบกันของเรื่องราว 2 เรื่องในหมู่บ้านแห่งนี้ จากนั้นนำเราไปสู่ฉากสำคัญที่มีการสาดกระสุนอย่างรุนแรง รวมถึงชาวบ้านที่ฆ่ากันเพื่อเอาทองคำ คุณยังต้องรับมือ กับ ทหารนาซีที่ต้องการทองคำ อีกด้วย ไฮน์ริช และ เอลซ่าต้องการแก้แค้นพันเอกบรูทและจ่า

บรรดาสักแสดงก็เลยไม่คุ้นหน้า แต่ขอชื่นชมว่าแคสติ้งนักแสดงได้เหมาะสมกับบท โดยเฉพาะตัวร้ายที่แสดงเกินจริงและมีสีสัน เช่น ไฮน์ริชของโรเบิร์ต มาสเซอร์ในหนังการ์ตูน เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ตัวละครหลักที่ทำให้ดูเหมาะสมกับเรื่องราว เขาเคยแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาแล้วหลายเรื่อง เช่น Mission: Impossible, 1917, Uncharted เป็นต้น แต่เป็นตัวประกอบเท่านั้นจึงไม่มีใครจำหน้าเขาได้
แม้แต่ หนังแอคชั่น นองเลือดก็มีมุขตลกแทรกเข้ามาเป็นระยะ แต่ก็ยังตลกมาก ไม่ได้เท่า เชิญยิ้ม (ฮ่า ๆ ) แต่ชวนให้มองกล้อง เหมือนกำลังเล่นกันแบบนี้ ? Blood & Gold น่าจะเอาใจคอหนังแอคชั่น ตัวละครนี้มีด้านที่ขาวมาก ดำมาก และไร้ความใคร่ ฉันแค่ต้องการหนีกองทัพกลับไปหาลูกของฉัน แต่การต้องผจญ กับ ความโชคร้ายที่ต้องเข้าทาง วายร้าย จอมตะกละกลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย และเรา มีเวลาแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นที่จะสนุกไปกับมันได้
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview
รีวิวหนังใหม่ : Glass Onion:A Knives Out