รีวิวหนัง The Cave จากเหตุการณ์จริงภารกิจถ้ำหลวงบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เคยเห็นมาก่อนผ่านสายตาของอาสาสมัครที่ต้องเผชิญกับชีวิตและความตายของหมูป่า 13 ตัว การเสียสละและความมุ่งมั่นของพวกเขาคือการรักษาชีวิตทั้ง 13 ชีวิตไว้ให้ได้ ไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม

รีวิวหนัง The Cave ภารกิจช่วยชีวิต 13 ชีวิตทีมหมูป่า อะคาเดมี ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ปรากฏการณ์ระดับโลกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ได้รับการเผยแพร่ซ้ำผ่านสื่อเคลื่อนที่หลายสื่อ ทั้งรูปแบบของสารคดีช่องทีวีไทยและเทศแข่งขันกันออกอากาศและค่ายต่างๆก็แข่งขันกันซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ประเภทหนังบันเทิง (หนังบันเทิงคดี) จนในที่สุดก็มีค่ายสำคัญ 2 ค่ายมาถ่ายทำรายการดังกล่าว เป็นมินิซีรีส์ของ Netflix ที่กำลังดำเนินการอย่างจริงจังโดยรัฐบาลไทย ในขณะที่อีกเวอร์ชั่นหนึ่งเป็นเวอร์ชั่นยาวของผู้กำกับไทย-ไอริช ทอม วอลเลอร์ ซึ่งมีผลงานภาพยนตร์อย่าง Mindfulness and a Murderer (2011) และ The Last Executioner (2014) ที่กำลังชิงรางวัล พวกเขาได้ไปแสดงบนเวทีต่างประเทศหลายครั้งและ ต่างก็ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วจากแคทรีนา กรอสและดอน ลินด์ สองมือเขียนบทที่เคยร่วมงานกับวอลเลอร์ใน “เพชฌฆาต” และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในโลกที่ออกฉายก่อนเวอร์ชัน Netflix อีกด้วย

งานรวบรวมข้อมูลของทีมผู้ผลิตถือว่ามีหลายมุมและครอบคลุม ฝรั่งในมุมของข้าราชการไทยสองคนพยายามช่วยชาวบ้านที่เสียสละที่นาเพราะน้ำท่วมและคนไทยที่มาช่วยแม้จะถูกกันดารก็น่าเสียดายที่มีรายละเอียดตัวละครและเหตุการณ์มากมายใน เรื่องราวหนังสามารถดึงมาเล่าได้เพียงเล็กน้อยและสร้างสัดส่วนเชิงลึกให้กับตัวละครเอกรวมถึงนักดำน้ำที่ช่วยเหลือ หรือเด็กที่ติดอยู่ในถ้ำก็มองเผินๆ กำลังใจมันยาก และจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างกรณีของนายอำเภอแซม ก็ไม่คุ้มที่จะเล่าเพราะมันเหลือเวลาให้ผู้ชมน้อยมาก ในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่ผู้ชมรู้อยู่แล้ว ทั้งในด้านอารมณ์และรายละเอียดในชีวิตประจำวัน ช่วงเวลา เหตุการณ์จริงในอดีต แต่ภาพยนตร์มีเวลาจำกัด และผู้สร้างไม่สามารถเลือกส่วนที่จะเล่าเรื่องได้เพียงพอ

ปัญหาใหญ่อีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือแม้ว่าจะมีนักแสดงจริงๆ อยู่หลายคน เช่น Jim Warny นักดำน้ำชาวเบลเยียม Erik Brown ครูสอนดำน้ำชาวแคนาดา Xiaolong Tan ครูสอนดำน้ำในถ้ำชาวจีน Mikko Paasi นักดำน้ำชาวฟินแลนด์ และกำนันนพดล นิยมเมฆ เป็นเจ้าของเครื่องสูบน้ำพญานาคจากเพชรบุรี สตรีที่ร่วมปฏิบัติการจริงมาแสดงตัวและเชิญแม่ครูจำปา แสนพรหม หน.กลุ่มพิทักษ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตัวจริงมาถ่ายทอดน้ำใจชาวบ้านเจียงฮายที่ละทิ้งท้องทุ่งเพื่อระบายน้ำในถ้ำ สิ่งดีๆ คือ ที่เราจะได้สัมผัสกับฮีโร่ตัวจริงที่ปรากฏในภาพยนตร์ ผู้คนที่รู้เรื่องนี้ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของความเป็นจริง แต่การมองโลกในแง่ร้ายของดาบสองคมนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นเพราะเล่นโดยไม่ใช้นักแสดงมืออาชีพ จำเป็นต้องยอมรับข้อจำกัดในการสื่อสารของตัวละคร และเป็นเรื่องยากที่จะสัมผัสหัวใจของผู้ชมผ่านการแสดงอารมณ์ แน่นอนว่าบางคนผ่านการทดสอบ บางคนสำเร็จ และบางคนเล่นไม่ได้เลย แต่ทีมผู้ผลิตดันดันคนจริงเหล่านี้ไปยังตัวละครและตัวเอกที่ดีกว่า สิ่งนี้ทำให้การเล่าเรื่องที่เบาสมองอยู่แล้วไหลลื่นทางอารมณ์มากยิ่งขึ้น

มีหลายสิ่งที่ชอบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ การถ่ายภาพที่เหมือนจริงแบบถือกล้องด้วยมือทั้งสองนั้นเหมือนกับสารคดี มีมุมกล้องที่น่าสนใจหลายมุมราวกับว่าผู้ชมใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวกับคณะผู้แทน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับฉากที่มีฉากดำน้ำ ฉากเปลขนส่งถูกส่งออกไปแล้ว และฉากเสียงพึมพำต่างๆ ที่สวยงามแปลกตา ในทางดนตรี มีการใช้ดนตรีไทยบรรเลงย้อนยุคทำให้เกิดบรรยากาศที่วังเวงและถูกทอดทิ้ง นี่คือเพลงไทยที่ดังขึ้นมาทุกครั้ง
และกลอุบายที่เกือบทำได้อย่างยอดเยี่ยมคือการเหน็บแนมระบบราชการไทยที่คุ้นเคยอย่างมีเลศนัย ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเชื่องช้า ลำดับความสำคัญดูไร้เหตุผลเล็กน้อย หนังขยี้ประเด็นนี้หลายครั้งทั้งจากมุมมองของอาสาสมัครชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะฉากกับลุงนายนี่ไม่รู้ว่าจงใจขนาดไหนแต่ดูแล้วได้ใจคนดูมากไม่ว่าจะเป็นผู้ชมชาวไทยหรือผู้ชมต่างชาติที่มาชมสื่อเหลือ เชื่อว่าลุงตู่ของเราเป็นตัวละครที่สื่อสารได้สากล นี่เป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview
รีวิวหนังใหม่ : Meg 2 :The Trench อภิมหาโคตรหลามร่องนรก