
เรื่องราวหนัง The Whale เหงา เท่า วาฬ
รีวิวหนัง The Whale ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่เป็นคู่แข่งชิงรางวัลในปีนี้ โดยเฉพาะการแสดงของพระเอก “เบรนแดน เฟรเซอร์” เรียกได้ว่าเป็นการคืนสู่วงการบันเทิงหลังจากเอาชนะความยากลำบากในชีวิตไปได้ กลับมาพร้อมการแสดงสุดอลังการและโดดเด่นใน “The Whale เหงา เท่า วาฬ”
The Whale เหงา เท่า วาฬ ชาร์ลี ครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นโรคอ้วน เขาหนักถึง 600 ปอนด์ และการที่เขาอ้วนมากขนากนี้เพราะเกิดจากการเสียชีวิตของผู้เป็นที่รัก (เเฟนหนุ่มของเขา) ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ในเวลาเดียวกัน เขาหวังว่าจะได้กลับมาติดต่อกับลูกสาววัย 17 ปีอีกครั้ง โดยหวังว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขา นี่เป็นผลงานของผู้กำกับลูกรักเคมีรางวัลและได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย เขามักจะสร้างภาพยนตร์ที่คนทั้งชอบเเละเกลียดตามกระเเสสังคม เช่น “ดาร์เรน อโรนอฟสกี” หลังจากที่หยุดการสร้างหนังไปแล้ว หนังเรื่องนี้ผ่านมา 3-4 ปีแล้ว และยังคงสยองอยู่ในใจผู้ชม พอกลับมาครั้งนี้ก็ปรับโหมดและเปอร์สเปคทีฟก็นุ่มนวลขึ้นมาก แต่เขาก็ยังคงสามารถปลดปล่อยสไตล์อันโดดเด่นของเขาในฐานะครีเอเตอร์ที่ยังคงเต็มเปี่ยมเช่นเคย

บทของภาพยนต์ The Whale
บทภาพยนตร์เรื่อง “The Whale” เชื่อกันว่าดัดแปลงมาจากละครเวทีเล็ก ๆ ชื่อเดียวกันที่ออกฉายเมื่อปี 2555 เวอร์ชั่นภาพยนตร์ยังมีผู้เขียนบทดั้งเดิม “Samuel D. Hunter” มาเขียนบทภาพยนตร์ให้ฉันด้วย นี่คือข้อดีของการให้เจ้าของสคริปต์รับผิดชอบในการแปลงสคริปต์ นอกจากนี้ยังเพิ่มวิสัยทัศน์และมุมมองที่แตกต่างกันเพื่อขยายเรื่องราวและค้นหามุมที่เหมาะสมสำหรับการเล่าเรื่องบนหน้าจอขนาดใหญ่
แน่นอนว่าเนื่องจากภาษาและการร้องเพลงของภาพยนตร์ บทของ The Whale จึงอาจไม่ใช่บทที่เข้าใจง่ายโดยไม่ต้องวิเคราะห์ แม้ว่าโดยรวมแล้วการชมภาพยนตร์จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีคนรู้สึกว่าผู้ชมอาจต้องกลับมาคิดใหม่อีกครั้ง แม้ว่ามันจะยังคงให้ความรู้สึกของภาพยนตร์ของดาร์เรน อาโรนอฟสกี แต่มันก็ไม่ใช่งานศิลปะที่คุณต้องตีลังกาดูอะไรแบบนั้น

การเเสดงของนักเเสดงนําที่สุดลึกซึ้ง
ดังที่กล่าวไปแล้ว The Whale เล่าเรื่องราวที่ค่อนข้างเรียบง่าย มันเหมือนกับการนำฉากจากละครเวทีเล็กๆ มาจัดเรียงตามลำดับบนจอใหญ่ เพราะหนังเรื่องนี้ใช้เฉพาะผลงานและฉากสำคัญๆ เกือบตลอดทั้งเรื่อง เป็นฉากเดียวที่สร้างประโยชน์ให้กับตัวละครแต่ละตัวได้มากจริง ๆ อีกอย่างที่ต้องชื่นชมคืองานแต่งหน้าและออกแบบทรงผมในเรื่องนี้ เพราะต้องสร้างร่างกายของผู้ป่วยที่อ้วนมากบนร่างกายของนักแสดง ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน และองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากนี้ การแสดงของ เบรนแดน เฟรเซอร์ สุดลึกซึ้ง และเฉียบแหลมจนตัวเองแทบอยากจะลุกขึ้นปรบมือเสียงดัง แค่นั่งอยู่ตรงหน้าเพื่อดูนักแสดงแสดงการแสดงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เพียงเท่านี้ก็ถือได้ว่าเป็นรางวัลในการนำกำไรมาสู่ผู้ชมอย่างเต็มใจ

การกลับมาของ เบรนแดน เฟรเซอร์
เบรนแดน เฟรเซอร์ จางหายไปจากการแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวูดทั้งกระแสหลักและรองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวที่เขาถูกใส่ร้ายจนได้รับความเห็นพ้องต้องกัน และในที่สุดเขาก็ถูกแบนจากอุตสาหกรรมหนังนี้ (ผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงก็อ้างสิทธิ์เช่นกัน) การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเขาได้พิสูจน์แล้วว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง และในกรณีนี้ เขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะการแสดงเลย
การแสดงของเบรนแดน เฟรเซอร์สมควรได้รับรางวัลนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดายและเห็นใจกับประสบการณ์ของเขาในฮอลลีวูด แต่ตามธรรมเนียมแล้วการแสดงของเขาในเรื่องนี้เขาได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาคือนักแสดงมืออาชีพอย่างแท้จริง และการแสดงละครที่น่าประทับใจเเละดีมากๆจนขนลุกไปหลายฉาก
นี่ไม่ใช่แค่ผลงานการเเสดงของเบรนแดน เฟรเซอร์ เพียงอย่างเดียว แต่ รีวิวหนัง The Whale ยังต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมเวิร์กของนักแสดงคนอื่นๆด้วย กล้ารับประกันว่านักแสดงทุกคนในเรื่องนี้แสดงได้ดีทุกคน รวมถึง “ซาดี้ ซิงค์” ดาราสาวดาวรุ่งที่ปล่อยทักษะการแสดงระเบิดอย่างไม่คาดคิด ขณะเดียวกันผู้ชมก็ละสายตาจากการแสดงของ “ฮง เชา” ไม่ได้ ซึ่งดูเป็นธรรมชาติมาก น้อยแต่มากและมีประสิทธิภาพในทุกฉาก
ท้ายที่สุดแล้ว “The Whale” แม้จะโดดเดี่ยว แต่ก็ไม่ใช่หนังที่สร้างในสเกลใหญ่โต ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการผลิต เมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ หนังเรื่องนี้ดีจริงๆ และโดดเด่นในเรื่องการแสดงของนักแสดง ฉันว่านี่อาจเป็นภาพที่ดีที่สุดในงานออสการ์ปีนี้ ตอนนี้คุณสามารถทุ่มสุดใจและปรบมือให้กับ เบรนแดน เฟรเซอร์ สำหรับการชนะรางวัลออสการ์ครั้งแรกของเขา เพราะวันนี้เขาพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วในหนังเรื่องนี้…ว่าเขาเหมาะสมกับรางวัลนี้จริงๆ
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview
รีวิวหนังใหม่ : We Have a Ghost