หนังดี

NANGDEEREVIEW

รีวิวหนัง Netflix รีวิวหนังใหม่ 2023

เว็บสล็อตออนไลน์
แทงหวยออนไลน์
เว็บแทงบอลออนไลน์
บาคาร่าออนไลน์

รีวิว Record of Ragnarok ซีซัน 2 – สังเวียนแห่งการยำใหญ่ปกรณัมและประวัติศาสตร์

โดย-Ragnarok's-Record-หรือชื่อไทยคือ-Gods-War

เมื่อพูดถึงตำนานของ Ragnarok เชื่อว่าทุกคนคงมีความรู้สึกไม่ต่างกันกับคำๆ นี้ เพราะ Ragnarok เป็นหนึ่งในคำที่มักถูกใช้ในสื่อบันเทิง แต่อย่างไรก็ตาม Ragnarok มักถูกใช้เป็นวันสำคัญเพื่อกำหนดชะตากรรมของเหล่าทวยเทพ ด้วยเหตุนี้ จึงใช้แนวคิดนี้สร้าง “Twilight Records of the Gods” ซึ่งเป็นบันทึกสังเวียนระหว่างทวยเทพและมนุษย์ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นฉบับ แนวคิดของ Umemura Shinya และ Fukui Takumi

โดย Ragnarok’s Record หรือชื่อไทยคือ Gods War

เป็นมังงะแนวคิดที่ไม่เหมือนใครซึ่งสร้างโดยสองผู้แต่ง Shinya Umemura และ Takumi Fukui (สร้างโดย Ajichika) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในตำนานและประวัติศาสตร์ เริ่มสร้างในปี 2560 ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้อ่าน และในที่สุด “Twilight of the Gods” ก็ได้รับการดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่น

The War of the Gods จะพาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวของตำนาน

ทั้งหมดบนโลกในจักรวาลที่เหล่าทวยเทพรู้จักกันดี พวกเขาจะตัดสินชะตากรรมของมนุษย์ร่วมกันทุกๆ 1,000 ปี ว่ามนุษย์ควรสูญพันธุ์หรือไม่ . มนุษย์ไม่ควรมีอยู่และต้องถูกกำจัดออกไป แต่แล้วความคิดของ Valkyrie Nan Brunhilde คือการให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่มนุษยชาติในการพิสูจน์คุณค่าของตน ในที่สุดเหล่าทวยเทพก็ตัดสินใจจัดศึกแร็กนาร็อก นี่คือการจับคู่แบบตัวต่อตัวระหว่าง 13 คนในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 13 องค์ หากมนุษย์ชนะการต่อสู้ แต่ละคนจะต้องสละชีวิตของตนเพื่อแลกกับความตายของผู้แพ้ และพวกเขาจะถูกคุมขัง

ซีซั่นที่สองจะแบ่งออกเป็นสององก์

ต้องย้ำอีกครั้งว่าในอนิเมะซีซั่นแรกจะครอบคลุมการต่อสู้ 3 ครั้ง ได้แก่ Lipo Feixiang vs Thor, Adam vs Zeus และสุดท้าย Kojiro Sasaki vs Poseidon เหล่าทวยเทพนำมนุษย์ด้วยคะแนน 2:1 นำเราไปสำรวจด้านมืดของทวยเทพ มันทำให้เราเห็นอกเห็นใจมนุษย์ไปโดยปริยาย ซีซั่น 1 ของ “Ragnarok” ได้รับการปล่อยตัวออกมาอย่างท่วมท้นแม้จะถูกกล่าวหาว่าทำเนื้อเรื่องและภาพที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่ด้วยเนื้อหาที่สนุกสนาน เรื่องนี้น่าจะไฟเขียวสร้างภาคต่อได้ไม่ยาก

ซีซั่นที่สองจะแบ่งออกเป็นสององก์

องก์แรกจะเล่าถึง Jack the Ripper vs. Hercules และ Raiden Tamaemon vs. Shiva ถึงจะมีบทบาทในองก์แรกแต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ชนะใจคนดู ผู้ชมเป็นอย่างมาก ก็แทบจะทำให้เราอยากดูต่อทันที

เมื่อเทียบกับซีซัน 1 ตอนต่างๆ ของซีซัน 2 ให้เราสำรวจความคิดของพระเจ้ามากขึ้น จากนั้นซีซั่นที่หนึ่งแสดงให้เราเห็นด้านมืดของเทพเจ้า มากเสียจนพวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นแค่ตัวร้ายในซีซั่นนี้ และเราจะได้เห็นด้านดีๆ ของเหล่าทวยเทพมากขึ้น แต่ถึงเรื่องราวจะเต็มไปด้วยเทพเจ้าแต่เราก็ยังรู้สึกว่าเทพเจ้าแต่ละองค์เป็นเหมือนต้นไม้ประดับรูปภาพไม่ใช่แค่ตัวละครที่มีส่วนสำคัญต่อเรื่อง ได้แต่หวังว่าตอนจบหรือซีซั่นหน้าจะแสดงให้เราเห็นมิติของตัวละครฝ่ายเทพมากขึ้น

สิ่งที่เราเสียใจอีกอย่างคือมิติของตัวละคร

ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างคือซีซั่นนี้หักมุมศีลธรรมในใจเรา เมื่อเราเริ่มเห็นความดีของเทพเจ้า แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเอาใจมนุษย์ที่มีแต่ความมืดมิดอยู่ภายใน สิ่งนี้ช่วยเพิ่มโครงเรื่องอย่างมาก จากเชียร์มนุษย์ตอนแรกกลายเป็นเชียร์เทพแบบไม่รู้ตัว

ถ้าใครงงว่าซีซั่น 1 ทิ้งปริศนาไว้มากมาย แน่นอนว่าในซีซัน 2 จะมีความลึกลับให้ไขมากขึ้นไปอีกทั้งความลับของแม่น้ำและทะเลสาบและเทพเจ้าที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์ทำให้มิติของเรื่องราวเข้มข้นขึ้น

แต่แม้หลังจากผ่านไปหลายระดับแล้วก็ยังมีสิ่งที่ควรค่าแก่การสังเกต ตัวอย่างการดำเนินเรื่องจะคล้ายกับภาคแรก ย้อนเวลาในรูปแบบการต่อสู้ ถ้าใครไม่ชอบแอคชั่นในภาคแรก ฝ่ายนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ด้วยการเลือกที่จะเริ่มต้นฤดูกาลด้วยเกมที่เข้มข้น Jack the Ripper vs. Hercules นั้นฉลาดมาก เพราะประเด็นของเกมนี้คือการชิงไหวชิงพริบในสนาม ทำให้โทนเรื่องราวของช่วงนี้ดูแตกต่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้งานได้กับฉากในลอนดอน ทำมาอย่างดีผสมผสานเทคโนโลยี 3D และ 2Dเรียกได้ว่าแทบทุกฉากของเกมนี้สวยงาม

โดยรวมแล้ว-Ragnarok-Records

แต่พอเราฟินกับคู่ต่อไปอย่าง Raiden Tamaemon vs. Shiva ก็มายืนด่ากันใหม่ เพราะในเกมนี้ ปัญหาเดิม ๆ กลับมาอีก และค่อนข้างจำเจ เกมดังกล่าวทำงานด้านภาพ (อีกครั้ง) ในรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ ทำให้แอนิเมชั่นปรากฏขึ้นในตอนท้ายขององก์แรก เกมถัดไป ศากยมุนีปะทะเทพนำโชคทั้งเจ็ด เห็นได้ชัดว่าเกมหยุดลง และเราผู้ชมต่างก็หวังที่จะรับชมให้ดีกว่านี้ เพราะนี่คือเกมที่แฟน ๆ อนิเมะรอคอยเป็นอย่างมาก

สิ่งที่เราเสียใจอีกอย่างคือมิติของตัวละคร

ของ Brunhilde แม้จะเป็นตัวเอกของเรื่องก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลาที่ฉายและการกระจายบทของอนิเมะทำให้มิติของตัวละครดูแบนราบ สิ่งนี้ทำให้บรัน ฮิลล์เป็นตัวเอกที่ทำหน้าที่เป็นเพียงโฆษกและเติมเต็มตัวละครอื่นๆ

โดยรวมแล้ว Ragnarok Records

เป็นภาคต่อที่ดีที่ช่วยเพิ่มความสนุกให้กับซีซั่นแรก สามารถบดขยี้จุดโปรดได้ดีขึ้นมาก แต่ด้วยอนิเมชั่นดั้งเดิมของสตูดิโอ Graphinica เรายังคงเห็นการทำงานที่ไม่ดีอยู่บ้าง เช่นการวางบทที่แย่และเนื้อเรื่องที่ยืดยาวจนคุณเบื่อ ตัวละครที่ขาดมิติจนงานภาพสุกและไหม้จนผมหงุดหงิดว่างานแบบนี้ทิ้งไปได้

ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง

สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview

รีวิวหนังใหม่ : รีวิว หมอหลวง

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ