All Quiet On the Western Front ถึงสงคราม..ตัวการสร้างความเจ็บปวด

เราอาจได้ดูหนังสงครามทุกปี แต่เราแทบไม่ได้ดูหนังสงครามจากมุมมองของกองทัพเยอรมันกับถือเป็นภาพยนตร์สงครามของเยอรมันและมักได้รับเลือกให้เป็นภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะสะท้อนถึงการกระทำต่อต้านสงครามในทุกรูปแบบ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ และนี่ก็นำไปสู่การสร้าง
บอกเล่าเรื่องราวอันโลดโผนของทหารหนุ่มชาวเยอรมัน
ในแนวรบด้านตะวันตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1เอาชีวิตรอดในสนามเพลาะในขณะที่คุณต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตของคุณเองและชีวิตของเพื่อนของคุณก่อนที่จะกลายเป็นความสิ้นหวังและความกลัว

นี่คือผลงานกำกับและเขียนบทโดย Eduard Berg ผู้กำกับชื่อดังชาวเยอรมัน Known About Jack เมื่อหลายปีก่อน สร้างจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกันของ Erich Maria Remarque ถือเป็นผลงานต่อต้านสงครามชิ้นเอกของเขา และนับได้ว่าเป็นหนังสือคลาสสิกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมเยอรมันเล่มหนึ่งก็ว่าได้
หนังเรื่องนี้สะท้อนความโหดร้ายของสงคราม
ฉากหลังของสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ถือเป็นความท้าทายและน่าตื่นเต้นสำหรับคนรุ่นใหม่ในเวลานั้น คนที่อยากจะท้าทายตัวเองในสนามรบแต่พอลงสนามจริงกลับเจอสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน โดยเฉพาะการได้สัมผัสกับความโหดร้ายของห่ากระสุนจำนวนนับไม่ถ้วน นี่คือภาพยนตร์ที่มองสงครามผ่านเลนส์ที่น่าทึ่ง

แน่นอนว่าในแง่ของการผลิต
ก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับภาพยนตร์สงครามที่ได้รับรางวัลล่าสุดของแซม เมอร์เซเดสเรื่อง “1917” ทั้งในแง่ของวิชวลเอฟเฟกต์และมุมกล้อง อาจมีข้อความคล้ายๆ กัน แต่อาจเป็นเพราะฉากนั้นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย บรรยากาศจึงแตกต่างออกไป
แต่ก็ต้องยอมรับว่า เทียบชั้นหนังสงครามอย่าง 1917 ไม่ได้เลย เพราะรูปแบบและสไตล์ของหนังไม่ค่อยละเอียดนัก แต่จะมีการบอกเวลาเคลื่อนที่จากมุมมองของฝ่ายเยอรมันแทน ดูในหนังฮอลลีวูดแล้วคุณจะพบอีกมุมที่แปลกใหม่ น่าเสียดายที่หนังสงครามเยอรมันเรื่องนี้ใส่รายละเอียดไว้แต่เพียงผิวเผิน
หนังมีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง สาระสำคัญและจุดสนใจไม่เข้มข้นพอมีเพียงฉากสงครามในสนามรบเท่านั้นที่สามารถกุมหัวใจของผู้ชมได้ และฉากอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็นการเจรจาหรือมิตรภาพก็ดูไร้พลัง ไม่เพิ่มน้ำหนักให้หนัง ตรงนี้แหละที่หนังดูยืดและยาวขึ้น

ที่เคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้ที่ยากที่สุดมาแล้วในภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องขอปรบมือให้กับนักแสดงหนุ่ม “เฟลิกซ์ แคมเมอเรอร์” ครับ ที่แทบจะต้องแบกรับหนังสงครามสุดยิ่งใหญ่เรื่องนี้คนเดียว เพราะแทบทุกเรื่องเขาเป็นตัวละครที่หนังใช้เป็นตัวเล่าเรื่อง คล้ายๆ กับที่ 1917 ทำ ยกเว้นด้านที่กลมกล่อมและไหวพริบไม่เนียนเท่าไหร่ แต่หนุ่มก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์สมรภูมิช่วงท้ายเรื่อง
เมื่อถึงจุดนั้นตัวละครก็เหนื่อยและผู้ชมก็เช่นกัน คิดว่าจะเป็นดาราหนุ่มหน้าใหม่ เขาเกือบจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็ถือว่าทำผลงานได้น่าพอใจ และเขาสามารถใช้เรื่องราวทั้งหมดได้อย่างเต็มที่
สรุปแล้ว “All Quiet on the Western Front”
เป็นภาพยนตร์สงครามที่สร้างจากชีวิตของทหารในแนวหน้าของกองทัพเยอรมัน พาผู้ชมทัวร์การต่อสู้ในยุคนั้น แนวคิดของพวกเขาแตกต่างจากสนามรบจริงอย่างสิ้นเชิง และสะท้อนให้เห็นในผลการทำลายล้างของสงครามทั้งในแง่ของการสูญเสียกำลังและอาวุธ และทำให้เกิดบาดแผลที่จะติดตัวผู้รอดชีวิตไปตลอดกาล สงคราม.
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview