
Phases of the Moon และนี่ก็เป็นหนังที่มีพล็อตย้อนอดีต แต่คราวนี้มาพร้อมกับกลิ่นอายของหนังญี่ปุ่น นับได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ฉายแววเข้าชิงรางวัลต่างๆในญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นั่นคือ ข้างขึ้นข้างแรมเกิดกี่หนยังเป็นเธอ เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างความดราม่า ความโรแมนติก และความอบอุ่นแบบบ้านๆ และแนวคิดในการทำงานอย่างหนักร่วมกับผู้ชมเพื่อถ่ายทอดจินตนาการให้ถึงขีดสุดมากลั่นเป็นภาพยนตร์ที่ท้าทายตลอด 2 ชั่วโมงของเรื่อง
ข้างขึ้นข้างแรมไม่ว่าคุณจะเกิดใหม่กี่ครั้งก็ตาม นี่คือเรื่องราวของตระกูลโอซาไน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแต่แล้วภรรยาและลูกสาวของเขากลับประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต อยู่มาวันหนึ่ง Akihiko Misumi ชายลึกลับมาหาพ่อของ Ruri, Nagayama Neijing และบอกเขาว่า: ในวันที่เขาสูญเสียภรรยาและลูกสาว ทั้งสองมาหาเขาและ Ruri บอกเขาว่าเขาเป็นคนรักของเขาในชาติที่แล้ว ซึ่งทำให้ไคสับสนและค้นหาความจริง คนที่ไม่มีความสัมพันธ์ผูกพันกันด้วยสิ่งที่เรียกว่าความรัก และความจริงที่ดำเนินมาหลายสิบปีกำลังจะถูกเปิดเผย…

นี่คือผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ ฮิโรกิ ริวอิจิ คนไทยน่าจะคุ้นเคยกับฝีมือการแสดงสุดเฉียบของเขาจากหนังแฟนตาซีชื่อดังเรื่อง The Miracle of Langgong Department Store ในเรื่องราวข้างขึ้นข้างแรมนี้ บทภาพยนตร์โดย Hiroshi Hashimoto ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Inuyashiki Xtreme Heroes อิงจากนิยายต้นฉบับขายดีของ Shoko Sato ที่ตีพิมพ์ในปี 2017
ในแง่ขององค์ประกอบอาคารข้างขึ้นข้างแรมค่อนข้างน่าพอใจ ในขณะที่ความรู้สึกโดยรวมนั้นค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จในหลายๆ ด้าน ผมยังแอบเสียดายที่รายละเอียดเบื้องหลังยุคหนังไม่ค่อยคมเท่าไหร่ ยังคงไม่มีความเย้ายวนใจของยุค 80 หรือ 90 ซึ่งเป็นจุดที่หนังเปล่งประกาย ณ จุดนี้ ผู้ชมอาจสับสนในโครงเรื่อง
ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างท้าทายในการเขียนสคริปต์ ใช้ชิ้นส่วนที่น่าทึ่งนี้และเล่นกับความเชื่อส่วนตัวของผู้ชม ในกรอบเวลาที่จำกัดของหนังแค่ 2 ชั่วโมง แต่คิดว่าบทยังทำหน้าที่สนับสนุนเรื่องราวได้ดี ในแง่ของการเก็บรายละเอียดระหว่างทางในจุดต่างๆของเรื่อง แม้ในส่วนการก่อสร้างจะไม่คมมากนัก แต่ Zhang ยื่นมือสนับสนุน อาจจะยังไม่ใช่สคริปต์ที่สมบูรณ์ เพราะมันยังเต็มไปด้วยช่องว่าง ฝาดนิดๆ แต่ก็ยังพอช่วยให้โครงเรื่องของหนังเดินหน้าต่อไปได้

ต้องบอกว่ามีปัญหาใหญ่กับข้างขึ้นข้างแรมซึ่งค่อนข้างท้าทาย ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่พยายามอย่างเต็มที่ในการอธิบายและถ่ายทอดข้อความที่น่าอายมากในแนวคิดของผู้ชมกลับกลายเป็นความรู้สึกปลอดภัยเล็กน้อย ยังคงเป็นความท้าทาย การเดินทางยังไม่สิ้นสุด ไปทางนี้ยังไม่ถึง. ฉันเข้าใจดีว่าคำถามนี้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่องนี้ คุณจะสัมผัสได้ว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการหาจุดตั้งต้นของหนัง…ยิ่งสวยยิ่งดี
เวลาดูข้างขึ้นข้างแรมบางมุมอาจทำให้นึกถึงหนังคลาสสิคแนว “บันจี้จัม” (หรือ เด๋วเราไปด้วยกัน) ธีมคล้ายๆกัน หรือเฉพาะเรียกว่าประเภทไฟแฝดหรืออะไรทำนองนั้น สิ่งของ. แม้ว่านี่จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะท่านผู้ชมคงเคยพบเห็นเรื่องราวแบบนี้มาก่อน แต่ในภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ มีรายละเอียดและอารมณ์ที่ลึกซึ้ง เป็นละครแนวแฟนตาซี
องค์ประกอบที่ดีที่สุดของภาพยนตร์เรื่อง “ข้างขึ้นข้างแรม” ต้องตกเป็นของการแสดงของทีมงานคัดเลือกนักแสดงทั้งหมด นักแสดงในละครทำหน้าที่และแสดงความสามารถพิเศษโดยเฉพาะการแสดงของ “โคอิซึมิ หยาง” ที่คว้ารางวัลมาอย่างง่ายดายเป็นเพียงบทบาทที่แสดงอารมณ์ของผู้ชม ในความสับสนฉันอยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่เชื่อจนกระทั่งกลายเป็นว่าเขาแสดงละครอารมณ์ได้ดีมากต่อหน้าเขา

และ “คาสุมิ อาริมูระ” ก็เล่นได้ดีสมเป็นมือโปรจริงๆ ตัวละครที่เธอเล่นเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดในเรื่อง และถือเป็นตัวละครที่มีมิติ ซับซ้อน ที่น่าประทับใจคือหนังใช้ตัวละครนี้เป็นตัวเชื่อมสำคัญ ค่อยๆ ไขมุมต่างๆ และ “เมกุโระ เร็น” เป็นตัวเอกสุดฮอต เขาคิดว่า หนังเรื่องนี้เป็นของเขา ครั้งแรกกับการแสดงในภาพยนตร์ ถือว่าเป็นการใช้ครั้งเดียว แม้ว่าเขาจะไม่ชอบบทบาทนี้ มีเวลาไม่มากที่จะสื่อว่ามิติอยู่ที่ไหน แต่ใคร ๆ ก็คิดว่าการเปิดตัวของเขาในโลกภาพยนตร์นั้นสวยงาม
ท้ายที่สุดไม่ว่าจะเกิดกี่ข้างดวงจันทร์ก็ยังเป็นคุณ เนื่องจากโครงเรื่องของหนัง หนังยังคงหลั่งอารมณ์ออกมาแบบกึ่งๆ งงๆ หลังจากดูจบ ฉันมีทุกอย่างที่ฉันอยากจะเชื่อแต่ก็มีมุมที่ยากเหมือนกัน แต่คิดว่าภาพยนตร์ Phases of the Moon เรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเฉียบคมกว่าภาพยนตร์แนวเดียวกันเรื่องอื่นๆ ที่ฉันเคยดูมา เพราะอย่างน้อยก็สร้างสิ่งที่คนดูอยากเห็นขึ้นมาตรงๆ
นี่ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังดราม่าแฟนตาซีที่ฟุ้งเฟ้อ มันเป็นเพียงเรื่องราวของชีวิตที่ยากลำบากที่สร้างขึ้นจากสิ่งที่คิดไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเชื่อมโยงและถักทอเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่จะต้องโดนใจผู้ชมอย่างแน่นอนคือความผูกพันระหว่างครอบครัว ให้ตายเถอะ…ทุกฉากในเรื่องนี้คือฉากพ่อแม่ลูก แม้จะราบรื่นและอบอุ่น แต่ร้องไห้ทุกฉากจริงๆ
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview