“Renfield” ก้าวข้ามความสัมพันธ์ Toxic แบบสนุกฮาเลือดสาด!

ปี 1897 มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ
ภาพลักษณ์หนึ่งที่ติดตัวยูนิเวอร์แซลอย่างเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นสตูดิโอผลิตภาพยนตร์สยองขวัญแนวอมนุษย์มากมายทั้งปีศาจของแฟรงเกนสไตน์ มัมมี่ มนุษย์หมาป่า มนุษย์ล่องหน สนุกเลือดสาดต้อนรับสงกรานต์ได้เป็นอย่างดี สำหรับภาพยนตร์ตลก สยองขวัญ “Renfield” พร้อมลิ่วเข้าสู่อารมณ์ของการเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ Toxic ระหว่างท่านเคาท์แดร็กคูล่า กับข้ารับใช้คนโปรด สร้างโจทย์ปัญหาของการต้องการมีชีวิตในแบบฉบับของตนเองเลือกเดิน ผสมผสานเนื้อหาเกินบรรยายทั้งรสชาติเข้มข้นของกลิ่นคาวเลือดสยองขวัญ และความฮาไม่จำกัด เต็มอิ่มไปกับเสน่ห์ของการวางโครงเรื่อง และกุญแจหลักของปัญหาที่สามารถนำมาใช้กับชีวิตจริงได้
ซึ่งนาน ๆ ทียูนิเวอร์แซลก็พยายามจะหาไอเดียใหม่ ๆ จับมาเล่าเรื่องเหล่าปีศาจร้ายพวกนี้บนจอภาพยนตร์มาร้อยกว่าปี “Renfield” เล่าเรื่องราวของ เคาท์แดร็กคูล่า และข้ารับใช้ผู้ภักดีของเขา เรนฟิลด์ เขานั้นต้องคอยช่วยเหลือ และจัดหาเหยื่อมาให้กับแดร็กคูล่า เนื่องจากเขาไม่สามารถทำมันด้วยตนเองได้ เรนฟิลด์ ต้องคอยรับฟังคำสั่งต่าง ๆ และทำตามบัญชาที่ไม่สามารถเอ่ยปากแย้งได้ แม้ว่าจะยากลำบากและน่าอับอายมากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเขานั้นพร้อมแล้วที่จะก้าวออกมาข้าวหน้าค้นหาเป้าหมายชีวิตของตนเอง นอกเหนือจากการอยู่ภายใต้เงาของเจ้าชายแห่งรัตติกาล

ลำพังแค่แดร็กคูลาเอง ยูนิเวอร์แซลได้หยิบมาสร้างหนังแล้ว 9 เรื่องโดยล่าสุด
คือการหยิบตำนานท่านเคานต์วลาดก่อนจะกลายเป็นผีดิบดูดเลือดมาเล่าใหม่ผ่านมุมมองแดร็กคูลา เปิดฉากออกมาด้วยการเล่าเรื่องราวความเป็นมาของข้ารับใช้ และท่านแดร็กคูล่าอย่างเฮฮาในโบสถ์แห่งหนึ่ง ก่อนจะออกมาทำภารกิจล่าเหยื่อให้กับท่านแดร็กคูล่า เริ่มจุดประกายความสยองขวัญในฉับพลัน ก่อนจะดำเนินเนื้อหาสร้างปมของเรื่องที่เชื่อมต่อกันในจุดต่าง ๆ และผูกความสัมพันธ์ของตัวละครให้เข้ามาเกี่ยวข้องกันระหว่าง ควินซี่ และ เรนฟิลด์ ซึ่งเธอนั้นทำให้ เรนฟิลด์ ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมผองเพื่อนตัวละครที่มาเสริมความมั่นใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิตของตนเองไม่ต้องอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ Toxic แต่เมื่อเขาเลือกที่จะก้าวออกมา ปัญหาระหว่างเขาและท่านเคาท์แดร็กคูล่านั้นยิ่งบานปลาย
ทว่าปมปัญหาของทั้ง 2 ตัวละครหลัก และแน่นอนว่าการเล่าเรื่องสไตล์คอมิก ๆ ก็ดูเข้ากันได้ดีทั้งบทและการกำกับจนเป็นเนื้อเดียวกันเลยทำให้ทั้งมุกและฉากแอ็กชันโหด ๆ สยอง ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาได้สะใจและเรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ทั้งเรื่อง ยังเชื่อมมายังตัวละครอย่าง ควินซี่ ที่เธอนั้นต้องต่อสู้และท้าทายอำนาจของผู้ที่อยู่สูงกว่า และไม่สามารถทำตามความถูกต้องได้เสียทั้งหมด ที่สำคัญคือความครีเอทีฟที่บทหนังเอาความสัมพันธ์ท็อกซิกมาถ่ายทอดผ่านเรนฟิลด์และแดร็กคูลารวมไปถึงกรมตำรวจคอรัปชันกับรีเบ็คก้า ก็ทำให้บทหนังไม่ได้เป็นเพียงหนังตลกไร้สาระที่คนดูไม่ได้อะไรกลับไปเลย โดยเรื่องราวของพวกเขาจับพลัดจับผลูมาเข้าสู่จุดไคลแมกซ์อย่างรวดเร็ว ระหว่างการต่อสู้ของผู้มีอำนาจ และผู้ที่ต้องการเป็นอิสระ ซึ่งมีลำดับการวางเนื้อหาค่อนข้างมีชั้นเชิง และไต่ระดับอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม มีการสร้างปมปูมหลังของตัวละคร และความรู้สึกของตัวละครนั้น ๆ ไต่ไปถึงช่วงไคลแมกซ์ และค่อย ๆ ไหลลงมาสู่การคลายปมของเนื้อหาทั้งหมด พร้อมไปกับการสอดแทรกข้อคิดการใช้ชีวิตภายใต้อำนาจคนอื่นที่เราไม่สามารถมีชีวิตเป็นของตนเองได้ นั่นจึงทำให้เรายึดติด และไม่กล้าใช้ชีวิตของตนเอง ทว่าชีวิตของเราสามารถเลือกทางเดินเองได้ แม้ต้องต่อสู้กับปัญหาก็ตาม

การแสดงของนักแสดงหลักสำหรับเรนฟิลด์
แต่ก็ด้วยความเป็นคอมิกของบทภาพยนตร์เช่นกันก็ทำให้มันขาดความสมบูรณ์และบกพร่องในการสร้างอารมณ์ร่วมในดราม่าสำคัญโดยเฉพาะกรณีของรีเบ็คก้าที่หนังอุตส่าห์ปูเรื่องความแค้นที่เธอมีต่อแก๊งโลโบที่สังหารพ่อของเธออย่างโหดเหี้ยม ส่งผ่านอารมณ์ความเกรงกลัว ความไม่กล้าสู้กับปัญหาได้เป็นอย่างดี พร้อมปรับอารมณ์การแสดงในแต่ละช่วงปมปัญหาออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เขาสามารถถ่ายทอดผ่านทั้งสายตา และสีหน้าการแสดงได้เป็นอย่างดี ด้านแดร็กคูล่า ทำให้เราได้เกรงกลัวเหมือนกัน เพราะทั้งความโหดร้าย เจ้าอารมณ์เป็นภาพติดตาที่น่าสะพรึงกลัว ด้านนักแสดงสมทบเข้ามาเสริมอารมณ์ได้อย่างเพลิดเพลิน แม้ในบางช่วงบางตอนการดำเนินเรื่องจะค่อนข้างไวไปบ้าง ไม่สามารถสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครได้อย่างสมบูรณ์ มีเพียงภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นมาแล้วเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายทำมีการวางฉาก รวมไปถึงชะตากรรมตอนท้ายของพี่สาวของเธอที่ถูกบอกเล่าแบบผ่าน ๆ จนเราไม่ได้รู้สึกสงสารหรืออยากเอาใจช่วยเธอเท่าใดนัก และโทนสีที่ดีพอสมควร สำหรับช่วงเวลากลางคืนมีความหม่นเหมือนโดนกดขี่รังแก หรือในตอนที่มีการปรับเพิ่มความสว่างเมื่อ เรนฟิลด์ ก้าวข้ามความรู้สึกของตัวเอง ผสมผสานโทนสีออกมาได้เข้ากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น การตัดต่อความลื่นไหลตามฉากต่าง ๆ แม้อาจจะมีตัดสลับไวไปบ้าง แต่ก็อยู่ในจังหวะชุลมุนไม่เป็นปัญหาต่อการรับชม มาถึงฉากที่ยกให้เป็นความร้อนแรงสนุกสาดของเรื่องกับฉากแอ็คชันที่มีให้เราได้ชมการบู๊ตั้งแต่ต้น กลาง และจบ ที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเลือดของการต่อสู้ ใครที่กลัวอาจจะมีปิดตาดูอยู่บ้าง ถึงแม้สีของเลือดจะไม่ได้สดสมจริง แต่ก็เรียกอารมณ์ความหวาดเสียว สยองขวัญได้ดี

ได้รับอรรถรส และข้อคิดในการใช้ชีวิตไปแบบเต็มตัวเรื่องเหมือนกัน
รวมไปถึงการที่หนังเองยังใช้ประโยชน์จาก นิโคลาส เคจ ได้ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าใดนักทั้งที่ทุกฉากที่เคจในเมกอัปแดร็กคูลาดูน่าสะพรึงกลัวขัดแย้งกับลีลาแอ็กติงที่ทำให้ตัวละครนี้ดูยังไงก็แอบฮาจนคนดูแทบเป็นไบโพลาร์ว่าจะกลัวหรือฮาดี ด้วยการสื่อสารให้เรากล้าเผชิญหน้ากับปัญหาตรงหน้า ถึงแม้ปัญหาจะใหญ่แต่มันจะมีทางออกเสมอ การก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ Toxic ยังดีกว่าทนอยู่กับสิ่งที่เราไม่สามารถเป็นตัวเอง และเลือกทางเดินของตัวเองได้ ดูเหมือนจะดราม่าแต่หนังใส่ทั้งความฮา ความดุเดือดเลือดพล่านเข้ามาอย่างออกรสชาติ ด้านการแสดงทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ในแต่ละตัวละคร การวางเรื่องกระชับจับจุดเนื้อหาได้ง่าย แต่บางเหตุการณ์ก็ไม่ได้เล่าให้ชัดเจน การตัดต่ออาจจะมีสับไวไปบ้าง แต่ไม่ทำให้เสียอรรถรส ถือเป็นการดูหนังตลก สยองขวัญที่ผ่อนคลายอารมณ์ แต่ยังผสมผสานเนื้อหาการใช้ชีวิตเข้ามาได้เป็นอย่างดี แต่แล้วหนังก็ดันเอาประเด็นแก๊งโลโบเข้ามาลดเวลาที่มันควรไปเน้นความสัมพันธ์ระหว่างแดร็กคูลากับเรนฟิลด์ที่แน่นอนล่ะว่าความสัมพันธ์สุดท็อกซิกนี้น่าจะกลายเป็นจุดเด่นของหนังและทำให้มันน่าจดจำมากกว่านี้ได้แน่นอน
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : nangdeereview